Review : New Balance Fresh Foam Zante V.2
มาแล้วตามสัญญากับ Running Sneakers คราวนี้เป็นตาของ New Balance เราไม่ใช่สายอวย แต่คู่นี้กลายเป็นรองเท้าประจำกายคู่ใหม่ของเราไปแล้วล่ะ ชอบไม่ชอบยังไงไปดูกันเลยฮะ
New Balance Fresh Foam Zante V.2 : First Impression
- หน้าผ้าของ Zante V2 จะค่อนข้างต่างกับ V1 พอสมควร ครั้งแรกที่ไปจับตัวจริง เรางงมากๆเพราะหน้าผ้าบางและพลิ้วมากโดยเฉพาะช่วงปลายเท้า เห็นครั้งแรกแล้วรู้สึกว่า “เห้ย จะไหวหรอ?” คือมันพลิ้วจนรู้สึกว่าซัพพอร์ทจะไม่พอรึเปล่า? แต่ช่วงปลายเท้าก็มีโครงแข็งๆเสริมไว้ข้างใน ซึ่งเราว่าอันนี้แหละที่ช่วยเรื่องซัพพอร์ทของรองเท้าคู่นี้ได้เยอะเลยฮะ อ้อ อีกอย่าง ผ้าตาข่ายด้านหน้าระบายอากาศได้ดีมากๆ ช่วยลดอาการเท้าชุ่มเหงื่อได้พอสมควร
- พื้น Fresh Foam ของ New Balance จัดอยู่ในประเภท “cushion” ของแบรนด์นี้ หรือหมายถึงรองเท้าที่เน้นในการรองรับแรงกระแทกให้มากนั่นเอง ถ้าพูดถึงเรื่องนี้เราก็จะนึกถึง Boost, Air Max หรือแม้กระทั่ง Lunar ที่จะนิ่มๆหน่อย แต่อันนี้มาแปลกคือมันไม่นิ่มแบบนั้นแฮะ ลองใส่ที่ร้านก็รู้สึกไม่เด้งเลย ไม่นิ่มด้วย เอามือบีบโฟมจากด้านนอกก็สู้มือเหลือเกิน บีบไม่ค่อยเข้าแฮะ แต่สำหรับเราไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ เพราะปกติชอบรองเท้าที่ค่อนข้างแข็งหน่อยอยู่แล้ว(อย่างเช่นเทคโนโลยี Wave ของ Mizuno) ความแข็งแบบนี้ทำอะไรข้าพเจ้าไม่ได้
- เชือก อันนี้ต้องพูด เชือกเป็นแบบที่ยืดได้นิดๆ พอดึงแล้วมันจะยืดได้อีกสักหน่อย อันนี้ชอบฮะ เพราะความยืดหยุ่นนี้จะช่วยลดปัญหาเชือกหลุดบ่อยๆได้
หลังจากใส่แล้วได้ความว่า
พื้นไม่เด้ง ไม่นิ่ม ไม่ตอบสนองใดๆ
อย่าพึ่งตกใจ 55 เป็นรองเท้าที่ใส่แล้วรู้สึกว่า “แกไม่ช่วยชั้นเลยนะ” ใส่แล้วไม่รู้สึกถึงความนิ่มเลย เหมือนคุยกับคนที่พูดอะไรไปก็ไม่โต้ตอบ เล่นอะไรก็ไม่เล่นด้วย แต่พอใช้ไปได้ระยะนึง ขอนิยามพื้นรองเท้าคู่นี้ว่า “นุ่มลึก” ในขณะที่เราใส่วิ่งไปเรื่อยๆ เราเริ่มสังเกตว่าวิ่งเท่าไหร่ก็ไม่เจ็บฝ่าเท้า ลงส้นเท้าเยอะๆก็ไม่ได้รู้สึกปวดเข่าหรือเจ็บส้นเท้าเลย เลยรู้ได้เลยว่ามันมีการ “ทำงานอย่างเงียบๆ” อยู่ใต้ฝ่าเท้าเรา ซึ่งพอรู้แล้วมันซาบซึ้งมากๆ พอรู้สึกตัวได้ ก็ยิ่งสังเกตมากขึ้นแล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ พื้นซับแรงกระแทกได้ดี ถึงดีมาก ถึงดีมากๆเลย
Support
กลายเป็นว่า เราไม่รู้สึกเลยว่าหน้าผ้าบางเกินไป หรือซัพพอร์ทน้อยเกินไปอย่างที่กังขาไว้ตั้งแต่ตอนแรก ยกประโยชน์ให้โครงหลังเท้า(heel cup)ฮะ มีแค่นั้นแต่ทำงานได้เวิร์คมาก อีกอย่างที่เราคิดว่ามีส่วนคือไอพื้นแข็งๆเนี่ยล่ะที่ทำให้โครงสร้างทั้งหมดมันมั่นคงยิ่งกว่านี้อีก จะไม่เหมือนกัน Ultraboost ที่พื้นจะนิ่มมากๆ ซี่งมันอาจจะโคลงเคลงไปมาได้ง่ายกว่า
การใช้งาน : เหมาะกับใคร
ขอขยายความที่บอกว่าคู่นี้เป็น “รองเท้าประจำกาย” คู่ใหม่ เพราะมันใช้งานได้หลากหลายจริงๆ เรายกตัวอย่างการใช้งานของเราให้ฟังเผื่อใครจะเชื่อมโยงกับตัวเองได้นะ
ปกติเราจะวิ่งอาทิตย์ละ 3 วัน อังคาร-พฤหัส-เสาหรืออาทิตย์
- อังคาร : วันแรกของอาทิตย์ที่วิ่ง วันนี้เราจะวิ่งสั้นๆ 5-7 กิโล เบาๆ ช้าบ้างเร็วบ้าง เอาให้ถึงเป็นพอ รองเท้าคู่นี้ไม่ได้หนักมาก โครงไม่แข็งเกินไป เวลาอยากวิ่งเบาๆก็จะไม่ได้รู้สึกว่ารองเท้ามันเด้งเกินจนทำให้เราเหนื่อย จะลงส้นบ้างก็มั่นคงดี ไม่บางหรือเบาเกินไป
- พฤหัส : วันนี้จะวิ่งเยอะขี้นละ 8-10 กิโล แล้วแต่ว่าอยากวิ่งยังไงระหว่างวิ่งทำเวลาให้ได้สม่ำเสมอ หรือวิ่งทำความเร็วเป็นช่วงๆ Zante เป็นรองเท้าที่ตอบสนองดีพอสมควรถึงแม้พื้นจะหนา ทำให้เราเร่งความเร็วได้ดีด้วย ปลายเท้าจะเชิดขึ้นมาเล็กๆทำให้เวลาที่เราลงปลายเท้าหรือกลางเท้า ทรงของพื้นจะส่งให้เราสับขาในก้าวต่อไปได้ไวขึ้น แต่ยังรักษาความมั่นคงไว้ได้ดี
- เสาร์/อาทิตย์ : วันนี้จะพยายามวิ่งให้ยาวที่สุด ในระดับ 10 กิโลหรือมากกว่านั้น เนื่องจากอยากทำระยะให้ได้เยอะ เราจะไม่วิ่งเร็วหรือเร่งสปีดบางช่วงเกินไป เน้นความสม่ำเสมอให้คงที่ไปเรื่อยๆจนจบ อย่างที่บอกว่าซัพพอร์ทคู่นี้หายห่วงอยู่แล้ว ทรงของปลายเท้าจะช่วยดีดเท้าเรานิดๆในกิโลหลังๆที่เริ่มเหนื่อย ให้รักษาความเร็วได้ดี ลองนึกภาพว่าลูกค้าโทรมาตามงานทุกชั่วโมงก็จะเหมือนแกมบังคับให้เราเติมแรงเข้าไปอีกในช่วงที่เหนื่อย
สิ่งที่ไม่ชอบ
เอาจริงๆบอกยาก เพราะยังไม่ได้รู้สึกอะไรชัดขนาดนั้น แต่อย่างนึงที่อยากเน้นเลยคือเรื่องไซส์ คู่นี้เราฝากน้องซื้อออนไลน์มาอีกทีแล้วแถมเป็นของผู้หญิงด้วย(ต้องบวกไซส์เข้าไปอีก 1.5 ไซส์) เลยต้องวัดไซส์ออนไลน์เอาให้เท่ากับไซส์ปกติที่เราใส่ มาถึงจริงๆกลับรู้สึกว่า”หน้าสั้น”ไปนิดนึง ถ้าเพิ่มอีกซักครึ่งไซส์น่าจะได้ คู่ที่เรามี เราแก้ปัญหาด้วยการใส่ถุงเท้าแบบบางและผูกเชือก 2 รูสุดท้ายให้แน่นขึ้นมาอีกหน่อย เท้าจะได้เลื่อนมาข้างหลังมากขึ้น ก็แก้ปัญหาได้ดีฮะ
อีกอย่างคือพื้นแบบใส พื้นใสๆถ้าเจอน้ำหรือฝุ่นจะยึดเกาะได้น้อยลงไปเยอะเลย มีวันนึงที่พื้นเปียกเราก็ต้องชะลอความเร็วลงหน่อย แต่รุ่นนี้ สีอื่นๆจะไม่ได้ใช้พื้นใส เป็นพื้นยางเหมือนรุ่นปกติทั่วไปก็ไม่น่าจะมีปัญหาฮะ
สรุปโดยรวม
ขอนิยามรองเท้าคู่นี้ว่า “นุ่มลึก” รองเท้าที่ใส่แล้วไม่ได้รู้สึกหวือหวาทันที วิ่งไปก็ยังไม่รู้สึก แต่ใช้ไปนานๆจะยิ่งชอบมากขึ้นๆเพราะของเค้าดีจริงๆ ใครอยากได้รองเท้าวิ่งคู่ใหม่ ไม่ว่าจะพึ่งเริ่มวิ่ง หรือวิ่งระยะไกลอยู่แล้ว เราว่าได้หมดเลยฮะ อีกอย่างคือทรงมันจะไม่เทอะทะเหมือนรุ่นอื่นๆ ใส่เดินเล่นเข้ากับชุดลำลองได้ง่ายด้วย เทียบกับราคาป้ายเมืองไทยประมาณ 4,500 บาท รวมกับส่วนลดที่มักจะมีมาบ่อยๆสำหรับแบรนด์นี้ เราว่าคุ้มเงินทีเดียว ถือเป็น smart choice คู่นึงที่เราแนะนำเลย
ใครไปโดนแล้วหรือใช้รุ่นนี้อยู่ มาแชร์กันนะฮะว่าชอบไม่ชอบยังไงบ้าง ขอบคุณน้องเนตอีกครั้งที่อุตส่าห์หอบคู่นี้มาให้เพราะเราชอบสีนี้มากๆจริงๆ 😀
** รองเท้าวิ่งที่นำมารีวิวจะทุกคู่ผ่านการใช้งานมาแล้วอย่างน้อย 40 กม.
*** รีวิวนี้มาจากพื้นฐานส่วนตัวของผู้ใส่ อาจมีปัจจัยอื่นๆที่ต่างจากนี้ไป ขึ้นอยู่กับร่างกายและการใช้งานของแต่ละคน
พึ่งซื้อมา รู้สึกว่ามันเล็กกว่าsize ปกตินิดนึง คู่เก่าใช้ของ new balance 574 ใส่ size 10 ได้ แต่คู่นี้ต้องขยับไป 11 ถึงพอดีครับ
พึ่งเริ่มใช้ ยังไม่รู้เรื่องการใช้งาน แต่ design ผ่านมาก สวยสุดๆครับ