Review: Nike LunarEpic Low Flyknit II
Nike LunarEpic Low Flyknit II
ใครจะซื้อมาอ่านนี่ก่อน
LunarEpic เจเนอเรชั่นที่ 2 ที่วางขายมาซักพักแล้ว ถ้าให้เราสปอยล์ก่อนตั้งแต่ตรงนี้ เราคิดว่าคู่นี้น่าสนใจมั้ย? ก็อาจจะไม่มากเพราะในตลาดตอนนี้มีทั้ง Boost ทั้ง VaporMax หรือ Everun ที่ใครๆก็พูดถึงกันทั้งประเทศ แต่ในการใช้งานจริงๆมันโอเคมั้ย เราตอบตรงนี้ก่อนเลยว่าโอเค แต่ถ้าจะให้โอเคกว่าต้องซื้อช่วงนี้แหละ เพราะอะไรตามไปดูกันฮะ
ไม่ต้องร่ายเยอะ เราพูดถึงพระเอกเลยดีกว่า ตรงนี้เป็นจุดหลักที่ไม่มีใน LunarEpic Low 1 เพราะตัวก่อนหน้านี้จะเป็นลิ้นรองเท้าธรรมดาแล้วผูกเชือกเอา แต่ตัวนี้เป็นข้อเท้าแบบสวมเข้าไปเลย ทำให้หน้าผ้าทั้งชิ้นเป็นส่วนเดียวกัน ตัวแรกเราเคยลองใส่/วิ่ง(ขอบคุณ @Outrun ที่ให้เรายืมมาลองฮะ) เราว่าตัวสองนี่มันต่างพอสมควรเลย พอเป็นชิ้นเดียวกันแบบนี้มันทำให้ Flyknit ทำงานได้เต็มที่ ทำให้หน้าผ้ามันกระชับกว่าตัวแรกเยอะเลย ใครจำได้ LunarEpic 1 ตัวหุ้มข้อเราก็เคยรีวิวไว้และบอกไว้ว่ามันกระชับดีมากๆจริงๆ เราเวลาที่รองเท้ามันพอดีเป๊ะๆกับเท้าเราเลยนี่แหละ มันช่วยให้เวลาวิ่งไม่รู้สึกเทอะทะ ภาษาทางการเค้าจะเรียกว่า Transtion ขอแต่ละก้าว ก้าวต่อก้าวมันลื่นไหลไม่ติดขัด
แต่ข้อเสียของแบบนี้ก็มีนะฮะ ด้วยความที่มันเป็นส่วนเดียวกันทั้งหมด ทำให้มันเป็นแบบ Hit or Miss คือถ้าใครใส่แล้วพอดีก็จะพอดีมากๆ แต่ถ้าไม่พอดีนี่อาจจะใส่ไม่ได้เลย เพราะทรงแบบนี้มันไม่มีช่องว่างให้เราปรับได้เยอะเหมือนกับรุ่นแรกที่มันการร้อยเชือกแบบทั่วไป เรานี่รูปเท้าปกติ ไม่บาน ไม่แคบ ก็โชคดีไปฮะ แนะนำว่าใครจะซื้อขอให้ไปลองให้ชัวร์ๆก่อนเพื่อความสบายใจนะ
อีกความเปลี่ยนแปลงที่เราประทับใจ หน้าเท้ากว้างกว่าเดิม
Nike นี่ขึ้นชื่อในการทำรองเท้าหน้าไม่กว้างเพราะเค้าต้อการเน้นความเร็วมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วฮะ เพราะฉะนั้นหน้าเท้าต้องเรียวๆ พุ่ง นึกออกมั้ย? อีกอย่างคือเค้าออกแบบโดยยึดสรีระของคนตะวันตก ซึ่งต่างกับคนเอเชียที่มักจะมีปัญหาเรื่องหน้าเท้ากว้างกัน อันนี้เราเทียบให้ดูกับ LunarEpic 1 ที่เรามี หน้าเท้ามันอ้วนขึ้นหน่อยๆ ในรูปอาจจะถูกหลอกตาด้วยสีที่อ่อนกว่าเลยอาจจะดูใหญ่กว่าไปด้วย ตรงนี้ไม่มีผลกับเรามากอยู่แล้วเพราะเราไม่ได้เท้าบาน แต่เรายืนยันด้วยความรู้สึกของคนใส่จริงว่ามันกว้างขึ้นจริงๆฮะ ที่ชอบเนี่ยก็เพราะว่าหลายๆคนก็อยากจะใส่รองเท้า Nike เพราะชอบหน้าตาของมันแต่ใส่ไม่ค่อยได้เพราะมันบีบ ตรงนี้มันเหมือนเข้าฟังเสียงผู้ซื้อมากขึ้นและก็ตอบรับกลับมาด้วย
พื้นเดิมเป๊ะ
พื้นเหมือนเดิม ไม่ต้องสืบ ใครเคยมีรุ่นแรกก็จะรู้ว่าไม่ได้เปลี่ยนเลย อันนี้เราแนะนำง่ายๆว่าใครชอบนิ่มๆ เบาๆ ไปช้าๆ ไกลได้แต่ไม่มาก น่าจะชอบฮะ ปัญหาเดิมคือหินมันชอบเข้าไปติดอยู่ในร่องรองเท้า อันนี้ไม่ค่อยกวนใจเราเท่าไหร่เพราะเราก็แคะๆออกเอา แต่ใครจะไปวิ่งทางที่มีหินมีกรวดเยอะๆควรเก็บเอาไปคริสสักนิดนะ อีกอย่างนึงคือพื้นหนึบเช่นเคย เพราะร่องพวกนี้แหละมั้งเลยทำให้มีช่องว่างในการดูดพื้นได้เยอะ เหมือนรองเท้าบาสที่จะมีลายที่พื้นถี่ๆ (Traction) เพราะช่วยการยึดเกาะสนาม
หน้าผ้า Flyknit
ตรงนี้น่าจะเป็นจุดขายที่สำคัญมากที่สุดของคู่นี้แล้ว ในบรรดา knit ทั้งหมดที่เจอลองมาทุกยี่ห้อ เราว่าไม่มีใครทำได้ดีกว่า Flyknit (ในตอนนี้) นะ Nike ลงทุนกับ Flyknit ไปเยอะ และมีการเอาไปใช้หลายแบบ รองเท้าหลายๆรุ่นใช้ Flyknit เหมือนกัน แต่พอจับดูแล้วรู้สึกไม่เหมือนกันสักอัน บางคู่รู้สึกนิ่ม ยืดหยุ่น บางคู่รัดมาก บางคู่แข็งๆ หรือบางคู่มีการฉาบพลาสติกไว้ด้านใน มันเป็นการเอา Flyknit ไปใช้ในลักษณะต่างๆและปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานจริงๆไม่ใช่แค่โยนเข้าไปผสมเฉยๆ สำหรับคู่นี้จะรู้สึกนิ่มๆหน่อย ยืดเล็กน้อย สวมเข้าไปได้ง่าย ส่วนตัวมันเข้ากับเท้าเรามากฮะ ถือว่าโชคดีด้วยแหละ
เปรียบเทียบกับรุ่นก่อน
เราขออนุญาตเทียบกับตัวหุ้มข้อละกัน เนื่องจากตัว Low 1 เราไม่ค่อยชอบเลยเพราะรู้สึกรองเท้าไม่กระชับเท่าไหร่เลยฮะ ตัวใหม่พูดง่ายๆเราว่ามันเหมือน Nike เรียนรู้จากทั้งเก่าทั้งตัวข้อต่ำและข้อสูง ปรับจูนมาทั้งหมดเป็นข้อต่ำ(อย่างที่รองเท้าวิ่งปกติเค้าทำกัน) แต่ได้ความกระชับที่มากขึ้น ด้วยความที่ตัวข้อสูงมันใส่ยากนิดนึง คนที่ใส่แล้วรู้สึกไม่พอดีก็จะแก้อะไรได้ยาก คนใส่ได้ก็โชคดีไป มาเป็น LunarEpic Low 2 แล้วเราว่าใส่ง่ายขึ้น กระชับดีขึ้น คล่องตัวมากขึ้น แถมราคายังถูกกว่าด้วย
เปรียบเทียบกับคู่แข่ง
จับมาชนกันอย่างงี้ไปเลย เราว่านี่คือมวยถูกคู่แหละ รองเท้านิ่มๆ นุ่มๆ หน้าผ้าแบบสวม รู้เลยว่าออกมาชนกันซึ่งๆหน้า เราขอเปรียบเทียบทีละจุดนะ หน้าผ้าเราว่า Flyknit ทำได้ดีกว่า Primeknit เยอะ ส่วนนึงอาจจะเพราะมี Flywire ร้อยอยู่ด้านในทำให้แยกได้ว่าส่วนไหนอยากให้กระชับก็ดึงเชือกแน่นๆแล้วรองเท้ามันจะโอบเข้าเท้าเอง ส่วน Primeknit ของตัวนี้จริงๆแล้วมี Cage ซ่อนอยู่ด้านในก็ช่วยได้ในระดับนึง แต่ความยืดของมันยังรู้สึกไม่ค่อยพอดีเท่าไหร่ เท่าที่เราเคยลองมาทั้งหมดเราว่ามันยืดเกินไปหน่อย นิ่มเกินไปสร้างจังหวะหน่วงเวลาสับเท้า ส่วนเรื่องพื้นความนิ่ม/เด้ง ยังไงก็ต้อง Boost ฮะ นิ่มกว่า เด้งกว่า Boost สมชื่อจริงๆ อันนี้เรายอม ใครชอบรองเท้าแบบนุ่มนิ่มสุดๆ พื้น Boost นี่ยี่ห้ออื่นเอาชนะยากมาก Lunar ของ Nike นุ่มก็จริงแต่จะไม่เท่า Boost จะมีความเบาและแน่นกว่านิดๆฮะ แต่ที่สำคัญเรื่องความมั่นคง (stability) ของทั้งสองรุ่นนี้ถือว่ายังน้อยสำหรับเราอยู่ดี ใครจะใช้ทางไกลต้องระวังกันนิดนึง
Uncaged ไม่ต้องห่วง รออีกนิดรีวิวกำลังเดินทางมาฮะ
สุดท้ายแล้วคู่นี้น่าซื้อมั้ย?
คำถามแบบนี้เราตอบแทนให้ไม่ได้เพราะแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันเนอะ แต่เราช่วยอธิบายเป็นเรื่องๆแบบนี้ละกัน
- การใช้งาน : ถ้าอยากได้รองเท้าวิ่งใส่ง่ายๆสบายๆ ไม่ต้องซีเรียสมาก อยากเริ่มวิ่ง หรืออยากซื้อรองเท้าคู่แรก เราว่าอันนี้ตอบโจทย์ตรงที่มันเป็นรองเท้าที่มีส่วนผสมกลางๆของหลายๆอย่างโดยจะเน้นที่ความนุ่มเป็นพิเศษ ใครคิดไม่ออก ขี้เกียจเลือก ไปลองคู่นี้ฮะ น่าจะเข้าเท้าได้ไม่ยาก
- ความงาม : รุ่นนี้ออกมาหลายสีเหลือเกินและคิดว่าจะมาเรื่อยๆ เราว่าพอได้อยู่ ในยุคนี้ที่รองเท้าอ้วนๆกำลังฮิตก็ยิ่งโอเค ขอแถมว่ามันจะเป็นรองเท้าเดินทางก็ไม่ขี้เหร่เลยฮะ เพราะหน้าตาดี เบา นิ่ม ใส่ง่าย
- ราคา : อันนี้คือสิ่งที่เราเกริ่นมาไว้ตั้งแต่แรก คู่นี้เริ่มลดราคากันแล้วตอนนี้เลย ที่ช็อปหลายๆที่ ใครขี้เกียจไปก็มีออนไลน์ฮะ เหลือ 4600 กว่าๆ จาก 5900 เราว่าราคานี้โอเคมากๆ ถือว่าพอดีเหมาะกับคุณภาพที่ได้
สุดท้ายคู่นี้จะยังคงวนอยู่ใน rotaion รองเท้าวิ่งของเราอีกสักพักเพราะบางวันรู้สึกไม่ค่อยมีแรง อยากวิ่งช้าๆสบายๆ หรือวันที่อยากวิ่งยาวๆแต่ช้าจริงๆเราก็เอาคู่นี้ไปใส่ ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งเรือแจวไปเรื่อยๆ ลมพัดเย็นๆ ค่อยๆ”ล่อง”ไป เดี๋ยวก็ถึงเองแหละ
*รองเท้าวิ่งทุกคู่จะผ่านการใช้งานจริงอย่างน้อย 40 กม.ก่อนที่จะนำมารีวิวแบบตรงไปตรงมานะฮะ