ASICS DynaFlyte : Another Game Changer ผู้พลิกวงการรองเท้าวิ่งคนใหม่
เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆเวลาที่มีคนพูดว่า “รองเท้าวิ่ง ซื้อ Asics ไปเลย ของเค้าดี” แต่พอจะซื้อจริงๆแล้วรุ่นไหนล่ะ? และส่วนใหญ่จะมาจบกันที่รุ่น Kayano, Nimbus ประมาณนี้แหละ
แต่เอาเข้าจริงๆ Asics มีรองเท้าเป็นร้อยรุ่น แค่บอกชื่อแบรนด์เฉยๆคงเลือกถูกยากฮะ เดี๋ยวเราขอค่อยๆเล่าไปทีละสเต็ป
เทคโนโลยีที่เราน่าจะรู้จักกันมากที่สุดคือ Gel รองรับแรงกระแทกได้ดี ของขึ้นชื่อของเค้าล่ะ เราถือว่า Gel เป็น Cushion ในระดับ Premium มากๆของตลาดมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา นุ่มสบายแบบที่แบรนด์อื่นสู้ได้ยาก จรกระทั่งเรามี Boost(adidas), Everun(Saucony), Ego(Altra) หรือแม้กระทั่ง Lunar(Nike) แต่ที่รองเท้าแบรนด์นี้จะถูกตัดคะแนนจากผู้ซื้อนอกจากเรื่องหน้าตาแล้วคือน้ำหนักที่ถือว่าไม่เบาเลยฮะ อย่างที่เราเคยบอกไปหลายครั้งว่าเหตุผลหลักๆของรองเท้าที่น้ำหนักมากคือส่วนประกอบของซัพพอร์ทมันมีเยอะนั่นเอง
แต่ Dynafylte เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ Asics อย่างที่เคยรู้จักมาเลย
รุ่นนี้เป็นรองเท้าที่สร้างมาในแนวคิดแบบ Modern Way ไม่ใช่ Traditional สิ่งที่แบรนด์ทำคือการปล่อยรองเท้าที่ “ซีเรียสน้อยลง” แทนที่จะประณีตเรื่องการใช้งานทุกกระเบียดนิ้ว DynaFlyte กลับกลายเป็นน้องคนเกือบสุดท้อง ที่อยากจะเรียนวาดรูปทั้งๆที่ทั้งบ้านเป็นหมอหรือพยาบาลสืบทอดกันต่อมาหลายชั่วอายุคน
อย่างแรกที่บอกได้เลยว่าต่างคือน้ำหนักเบา เบาเท่าๆกับรองเท้ารุ่นใหม่ๆแล้ว
เราพูดได้เลยว่าในที่สุด Asics ก็ยอมถอดซัพพอร์ทออกบ้าง ให้รองเท้าเข้ามาอยู่ในเทรนด์ออกกำลังกายของคนยุคใหม่ได้มากขึ้น เบากว่าเดิม ใส่ง่ายกว่าเดิม ลามไปถึงทรงรองเท้ากับวัสดุที่มีหน้าตาระดับดาราภาพยนต์ ทำให้คนอย่างเราที่ไม่เคยจะชอบดีไซน์ของแบรนด์นี้เท่าไหร่นัก ยอมเสียเงินให้กับรุ่นนี้โดนมีปัจจัยประมาณ 70% คือหน้าตาของมันนี่แหละ
DynaFlyte ถือเป็นก้าวแรกที่ชัดเจนในการบอกแฟนว่าๆ “รองเท้ายี่ห้อนี้ ซื้อไปใส่เดินเที่ยวได้นะ” เราไม่คุ้นมากๆกับการคิดถึงรองเท้าวิ่ง Asics ในฐานะรองเท้าวิ่งที่ใส่เล่นได้อย่าง Flyknit Racer หรือ Pure Boost ส่วนผสมทั้งด้านดีไซน์และหน้าตารวมกันออกมาเป็นตัวท็อปไปแล้วเรียบร้อย เรากล้าพูดเลยว่ารุ่นนี้เป็นรองเท้าวิ่งที่หน้าตาดีที่สุดในตลาดคู่นึง ณ เวลานี้
แต่อะไรที่ทำให้ Asics ทำแบบนี้ได้ แล้วทำไมไม่ทำนานแล้ว?
คำตอบที่เราได้จากคู่นี้คือการ ”ปล่อยวาง” จากรองเท้าวิ่งที่รุ่นไหนๆก็ดีไปหมด ถูกต้องทุกข้อของตำรารองเท้าวิ่งระยะไกล เปลี่ยนมาเป็นการเอาความ Perfect ออกไปบ้าง เช่นการถอดซัพพอร์ทจากหน้าผ้าออกไปเพื่อทำให้รองเท้าเบาและยืดหยุ่นมากขึ้น การใช้โฟม FlyteFoam และใส่ Gel ไปแค่ตรงส้นเท้า ไม่จำเป็นต้องใส่เยอะอย่างที่ผ่านมา เพื่อเบาลงอีกและยังเร่งความเร็วได้ง่ายขึ้นในเวลาเดียวกัน ยอมเสียสละความดีงามของ “รองเท้าวิ่งระยะไกล” ไปบ้าง เพื่อให้สามารถเอาชนะใจนักวิ่งระดับมือใหม่-กลาง ที่ไม่จำเป็นต้องใช้รองเท้าพรีเมี่ยมที่สุด ให้หายกลัวของสูงจากแบรนด์นี้กัน
Game Changer ที่สำคัญของคู่นี้ คือการบิดแนวคิดการทำรองเท้าลำลองให้ใส่สบาย หรือการทำรองเท้าวิ่งที่จะบกพร่องเรื่องฟังก์ชั่นไปไม่ได้ มาทำรองเท้าวิ่งที่ “ต้องดูดี” ถึงต้องยอมเสียอะไรไปบ้างก็เถอะ แต่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมการคิดที่ว่าต้องแยกซื้อรองเท้า 2 คู่ อันนึงลำลอง อันนึงวิ่งโดยเฉพาะ รวมกันมาเป็นคู่เดียวจบไปเลย และไม่ต้องห่วงว่าจะวิ่งถึงระยะที่ไกลที่สุดรึเปล่า เพราะว่ารองเท้าแบบนั้นมีอีกหลายรุ่น ถมเถไปอยู่ในแคตตาล็อคอยู่แล้ว
Asics DynaFlyte 2 เป็นรองเท้า”หน้าตาลำลอง” ที่เรายืนยันให้ตรงนี้เลยว่าใส่วิ่งได้ดีแน่ๆ ทำเอารองเท้าลำลองรุ่นอื่นๆสู้ด้วยยาก และรองเท้าวิ่งเน้นๆหน้าตาไม่หล่อเท่านี้ เราคิดว่าแนวทางนี้ในปีหน้าจะมาอีกจากหลายๆแบรนด์แน่นอน ตอนนี้ขอใบ้ให้ก่อนว่ารุ่นนึงที่กำลังตีคู่มากับ DynaFlyte แบบสูสีสำหรับเราคือ Adidas Pureboost DPR ฮะ ไว้เราจะมีโอกาสจับมาให้ดูกันตัวเป็นๆรึเปล่า? ติดตามต่อไปฮะ