Diary of First Pair of Ultra Boost
Ultra Boost นี่มันดีมั้ย?
หลายคนน่าจะรู้ว่าเราไม่ชอบรองเท้านิ่มๆ Ultra Boost นี่เป็นรองเท้าที่นิ่มที่สุดเท่าที่จะหาได้แล้วในตลาด แต่พอได้โอกาสเราเลยเอามาลองซักหน่อยว่ามันเป็นยังไง หลังจากที่ได้มาเราก็เอามาใส่ 6 วันติด สนุกดีเหมือนกัน ลองอ่านกันดูฮะว่าเราคิดเห็นยังไงบ้าง
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราเล่นเฟสบุคอยู่ดีๆก็มีคนเอาคู่นี้มาขาย ราคาเป็นมิตรมาก (ห้ามถาม ไม่บอกหรอก) เจ้าของบอกว่าใส่ไปครั้งเดียวเอง แว๊บนั้นมันสวยมาก เลย inbox ไปหาคนขายแล้วให้เค้ามาส่ง เป็นการซื้อรองเท้าที่เร็วที่สุดในชีวิตของเราเลย เห็นตอนบ่าย ได้ของตอนเย็น หน้ามืดอีกแล้วฮะ
ได้ของมาแล้วค่อนข้างประทับใจฮะ เพราะสีนี้สวยจริงๆ เราลองกลับมาดูรองเท้าที่บ้าน ปรากฎว่ามีสีเขียวขี้ม้าแบบนี้อยู่แล้ว 2-3 คู่ พึ่งรู้ตัวว่าชอบรองเท้าสีนี้แฮะ มันสวยดีเพราะเราชอบใส่กางเกงยีนส์ หรือไม่ก็ก็กางเกงผ้าสีกากี / กรมท่า ใส่สีเขียวแล้วเข้ากันง่ายเลย
เค้าว่าคู่นี้เป็น Ultra Boost 3.0 หน้าผ้าจะยืดกว่ารุ่นที่ผ่านๆมาหน่อย พอได้เจอก็ยอมรับว่ายืดจริงๆฮะ เราได้มาไซส์ใหญ่กว่าปกติครึ่งเบอร์ (9.5us) ไม่ได้ตั้งใจนะแต่แค่คิดว่าหลวมๆหน่อยคงไม่เป็นไร
วันแรกที่ใส่คือรู้สึกทันทีว่ามันหลวม แล้วมันก็ยืดมากด้วย รู้สึกไม่ถูกชะตาอย่างท่ีกะไว้แล้วฮะ พื้นก็นิ่มเกินไปจริงๆ มันหนืดๆ เดินแล้วหน่วงๆ ดีขึ้นหน่อยในวันที่สอง เราเอาใส่ไปทำงาน ลองใส่ถุงเท้าหนาๆดู แล้วรัดเชือกแน่นขึ้นอีกนิดปรากฎว่าพอดีเป๊ะเลยแฮะ เออแปลกดีเหมือนกัน คราวนี้เราเท้าพอดีแบบพอเหมาะมาก ชอบขึ้นมาอีกนิดนึง หลังจากทำงานเสร็จเราก็ไปช้อปปิ้งที่ Nike Outlet กับเพื่อนๆฮะ เดินดูของไปเรื่อยๆก็โอเคดีนะ ไม่ปวดเท้าเลยล่ะ ชอบอย่างนึงตรงที่เวลาเข้าออกห้องลอง มันถอดเข้าออกง่ายดีจริงๆ อันนี้สำคัญสำหรับเราเพราะเราลองเสื้อผ้าทีนึงหลายรอบมากกว่าจะได้ซื้อเพราะอยากให้แน่ใจจริงๆว่าไม่เอากลับบ้านไปแล้วใส่ไม่พอดี ตรงนี้ดีฮะ ใส่ๆไปก็เริ่มชินนะ
UB สีนี้มันเหมาะกับชีวิตประจำวันหลายๆแบบ เราเริ่มความคุ้มของมันนิดนึง เพราะนอกจากจะทำเป็นรองเท้าวิ่งแล้วให้สังเกตว่า movement ของรองเท้ารุ่นนี้ คือการทำให้คนทั่วไปที่ไม่ได้สนใจ sneaker มากขนาดนั้น ยอมจ่ายตังค์เพื่อซื้อคู่นี้เพราะ
1. นี่เป็นรองเท้าที่หน้าตารับได้ง่าย ไม่ฉูดฉาดเกิน สังเกตว่าสีแต่ละสีที่ออกมามักจะออกมาในโทน Lifestyle เช่นสีน้ำเงิน เทา ดำ ขาว แดงก็จะเป็นแดงเข้มๆออกเลือดหมู เขียวขี้ม้า เป็นโทนสีแบบ Ready to wear มากกว่าที่จะออกแยว Sport อย่าง Nike ที่ชอบออกรองเท้ากีฬาสีเขียวสะท้อนแสง สีส้มสว่างๆ หรือดำเข้มแต่ตัดด้วยสีจี๊ดๆให้เด่นขึ้นมา ด้วยลุคแบบนี้ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ไม่ได้เป็นแค่ Lifestlye Sneaker แต่ยังครอบคลุมไปถึงการเป็น Lifestyle Item ที่มีความเบสิคหน่อยๆและเข้ากับเสื้อผ้าโทนสีธรรมดาๆได้ง่าย อย่างที่
2 คงไม่พ้นจากความจริงที่ว่า ไม่ว่าใครลองใส่รองเท้าคู่นี้ครั้งแรก ทุกคนก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันนุ่มโคตรๆจริงๆ ทำให้สามารถแปลงความรู้สึกของคนใส่ให้คิดว่าเป็นรองเท้าที่”ใส่สบาย”ได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าจริงๆแล้วรองเท้ารุ่นนี้ราคาสูงมากในมาตรฐานรองเท้ากีฬาในตลาด แตะๆ 7,000 บาท แต่เราก็เข้าใจได้ว่าสมัยนี้ เรายอมจ่ายเงินเพื่อของที่เราคิดว่ามันดีจริงๆ เพราะถ้ามันดีสมราคาแล้ว จ่ายเยอะคุ้มเงินก็ไม่เสียหาย
ช่วงวันที่สามสี่ห้า เราต้องไปทำธุระหลายอย่างมากๆ ไปทำงาน ไปประชุม ไปทำใบขับขี่ ไปคุยงานอีกที่นึง ไปซื้อของ ไปวิ่ง ตารางในหนึ่งวันที่แสนจะอัดแน่นทำให้ต้องแพลนดีๆว่าควรจะไปที่ไหนในช่วงกี่โมง ปกติเราเป็นคนชอบเดินเร็ว ไม่ชอบเดินเรื่อยๆ(กลัวไม่ถึง) ช่วงนี้ที่เริ่มรู้สึกแล้วว่ารองเท้านิ่มมันรู้สึกไม่ค่อยสะดวก เวลาสาวเท้าเร็วๆ รองเท้ามันดูดนิดนึงเพราะมันนิ่มมาก บังคับให้เราลงส้นเท้าตลอด พออยากจะรีบก็เหมือนไปได้ไม่สุด บางทีถุงเท้ามันหลุดอยู่ข้างในรองเท้าด้วยฮะ วันแรกที่เราจะไปวิ่งตอนเย็น เราเอารองเท้าอื่นมาเปลี่ยนแทนเพราะยังไม่ชัวร์ว่าชอบความนิ่มเยอะขนาดนี้รึเปล่า แต่เข้าใจตั้งแต่แรกนะว่ามันใช้วิ่งได้อยู่แล้ว แต่ถูกใจมั้ยก็อีกเรื่องนึง
พอวันที่เราไปงานวิ่งของ Adidas Runner เราก็เลยถือโอกาสเปิดซิงคู่นี้ไปใส่วิ่งซะเลย แต่ดันฝนตกอีก! ทำให้ต้องวิ่งลุยน้ำไปซะอย่างนั้น ตอนแรกเรากลัวมากว่ารองเท้าจะลื่นรึเปล่า เพราะฝนตกตลอดทางเลยฮะ รองเท้ารุ่นไหนๆก็อาจจะเอาไม่อยู่ ปรากฎว่าไม่ลื่นเลยแฮะ ปลอดภัยใช้ได้เลย แปลกใจตรงนี้เหมือนกันเพราะไม่เคยลองพื้น continental กับพื้นเปียกขนาดนี้ วิ่งเสร็จรองเท้าเปียกชุ่มเลยฮะ ช่วยไม่ได้จริงๆ รวมๆแล้วถือว่าเกินคาดนิดๆ ใส่วิ่งเบาๆก็รู้สึกโอเคกว่าที่คิดไว้ฮะ
กลับมาบ้านก็รีบเอาผึ่งลมแล้วก็ขัดให้กลิ่นอับมันหายซะหน่อย ถือโอกาสเปลี่ยนเชือกไปด้วยเลยเพราะเชือก wax เปื้อนแล้วทำความสะอาดยากมาก Viz.ess เค้าส่งเชือกมาให้เข้ากับรุ่นนี้พอดี พึ่งจะเคยใช้แบบนี้กับเค้าเหมือนกันก็แปลกตาดีฮะ
สรุปรวมทั้งหมดที่ผ่านมา เราคิดว่า Ultra Boost ตอบโจทย์เราในเรื่องการใส่รองเท้าคู่เดียว หรือสถานะการณ์สมมุติว่าถ้ามีรองเท้าผ้าใบคู่เดียว คู่นี้ก็เวิร์คพอตัวเลย เปลี่ยนความคิดเราไปได้ว่าในงบประมาณนี้ ถ้าต้องซื้อรองเท้าคู่เดียวก็อาจจะเป็นคู่นี้ก็ได้ อย่างที่บอกว่า Adidas เค้าตั้งใจตีตลาดกว้างขึ้น ให้หลายๆคนใส่ได้ง่าย เราจึงได้เห็น UB ผลิตแล้วผลิตอีก กลายเป็นรุ่นที่บอกต่อกันมากที่สุดและก็ขายดีไปโดยปริยาย
ขอแนะนำอีกอย่างว่าถ้าใครมีคู่นี้แล้วอยากซื้อรองเท้าวิ่งเพิ่มอีกสักคู่ เพราะอยากได้เป็นรองเท้าวิ่งคู่แรกที่จะเริ่มวิ่ง เราว่าเอาคู่นี้แหละฮะไปลองดู ใช้ให้คุ้มไปเลยน่าจะช่วยให้ประหยัดงบไปได้เยอะ
ใกล้ๆนี้เราก็ได้เห็นรูปของ Ultra Boost 4.0 กันบ้างแล้ว เราก็ยังเดาว่าจะมี 5.0-6.0 ตามมาอีกเพราะว่ากระแสตอบรับดีเหลือเกินฮะ แต่ที่น่าสนใจคือ Adidas จะสามารถเลี้ยงไปได้อีกนานเท่าไหร่และจะมีรองเท้าอะไรมาแทน ในช่วงที่แบรนด์อื่นๆก็พยายามจะเข็นรองเท้ากึ่งลำลองกันออกมามากขึ้นให้ใช้ได้ทั้งเป็นรองเท้าใส่ทำกิจกรรมได้หลากหลาย วันนึง UB ก็อาจจะตกเทรนด์ไปแล้ว แต่ก็รอดูเวลาว่าถึงตอนนั้นจะเป็นยังไงเนอะ
ใครใส่ UB อยู่ มาเล่าให้กันฟังบ้างฮะ คู่นี้คงยังอยู่กับเราอีกสักพัก ขอซึมซับอีกสักหน่อย โดยเฉพาะความงามของสีนี้ที่เราช๊อบชอบ ไว้มีรุ่นอะไรในคราวหน้า รอฟังกันได้อีกนะฮะ